<< Go Back

ที่มาภาพ : http://www.thaigoodview.com/library/contest2553/type2/art04/01/P1-2.html

 

                พาโบ รุสซี่ ปิกาสโซ่ เกิดเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม ค.ศ.1881 ที่เมืองมาลาก้าแถบชายฝั่งทะเล เมดิเตอร์เรเนียน ของประเทศสเปน บิดาของปิกัสโซ่เป็นครูสอนศิลปะและเป็นผู้เล็งเห็นความ เป็นอัจฉริยะในตัวของบุตรชายของตน จึงส่งปิกัสโซ่เข้าศึกษาในสถาบันสอนศิลปะในเมืองบาเซโลน่า ซึ่งเป็นสถาบันที่บิดาของเขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นโปรเฟสเซอร์เมื่อปี ค.ศ.1896 ปิกาสโซ่ได้รับ ความรู้ด้านการเขียนภาพแบบเรียวลิสติก เมื่อเขามีอายุได้ 16 ปี ก็มีสตูดิโอเป็นของตนเองที่ ในเมืองบาเซโลน่า และในปี ค.ศ. 1900 เขาได้ไปเยือนปารีสเป็นครั้งแรกและตัดสินใจที่จะใช้ ชีวิตอยู่ที่นั่น ในปี ค.ศ.1904 
รูปแบบการเขียนภาพของปิกาสโซ่ เปลี่ยนเป็นช่วงๆ โดยในปี ค.ศ.1901 ถึง 1904 จัดเป็น
ยุคสีฟ้า เพราะเป็นช่วงที่ปิกัสโซ่ นิยมใช้โทนสีฟ้าในการเขียนรูป และในปี ค.ศ.1905 ปิกัสโซ่ได้รับความสำเร็จจากงานที่เขาเขียนมากขึ้น จึงเริ่มเปลี่ยนแปลงสีที่ใช้ โดยค้นหาสีใหม่ จากจานวีของเขาเอง ในที่สุด สีฟ้าที่ใช้อยู่แทบทุกวันก็เริ่มหายไป กลายมาเป็นสีน้ำตาลปนแดง เข้ามาแทน และด้วยความพยายามของเขาที่จะให้มีความเศร้าในงานที่เขาเขียนน้อยที่สุด ปิกัสโซ่จึงเพิ่ม นักเต้นรำ นักกายกรรม และตัวตลก เข้ามาไว้ในภาพของเขาภาพทั้งหมด ที่เขาเขียนในระหว่างปี ค.ศ.1905-1907 นี้ถูกจัดเป็นยุคสีกุหลาบ

                      ปีค.ศ.1907 ปิกัสโซ่ได้เปลี่ยนแปลงแนวทางในการวาดรูปใหม่ โดยได้เขียนภาพที่ชื่อ " Les Demoiselles d’Avignon " ภาพที่เขียนขึ้นมานี้ แสดงให้เห็นว่า ปิกัสโซ่ได้เกิดความหลงใหล ในศิลปะแบบดั้งเดิม จำพวกงานแกะสลัก และโดยเฉพาะศิลปะของแอฟริกา ภาพนี้ถือเป็นจุดกำเนิด ของความเปลี่ยนแปลงทางศิลปะขึ้น เพราะปิกัสโซ่ได้คิดค้นศิลปะแบบใหม่ โดยยึดเอาหลักการ ของลูกบาศก์มาใช้ และเขียนในทำนองเพ้อฝัน เขาได้ทำการทดลองในการวิเคราะห์รูปทรงทาง เรขาคณิต โดยร่วมมือกับบรรดาเพื่อนฝูงของเขา ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ จอร์เจส บากค์ จนกระทั่ง
ในปี ค.ศ.1921 ภาพเขียนที่ชื่อว่า " นักดนตรีทั้งสาม "( The three Musicians)ก็ได้ถูกเขียนขึ้นถือเป็นหนึ่งในความสำเร็จที่ได้รับจากการนำทฤษฎีใหม่นี้มาใช้

 

ที่มา ภาพ : http://www.thaigoodview.com/library/contest2553/type2/art04/01/p1-3.html

 

                ในปี ค.ศ.1917 ปิกัสโซ่ตัดสินใจไปยังกรุงโรม เพื่อออกแบบเครื่องแต่งกายและออกแบบฉาก ให้กับคณะบัลเล่ต์ ด้วยการทำงานในแนวนี้ ถือเป็นการขยายขอบเขตของการสร้างสรรค์ให้กับตนเอง ในปี ค.ศ.1918-1925 ปิกัสโซ่ได้เริ่มต้นที่จะเขียนภาพไปในแนวคลาสสิกอีกครั้งนับตั้งแต่วันแรก
ที่ปิกัสโซ่ตัดสินใจมาอยู่ที่ปารีสเมื่อ ค.ศ.1904 ไปจนถึงปี ค.ศ.1911 และรวมไปถึงวันที่ เขาเสียชีวิตลงนั้น ปิกัสโซ่ได้ผัวพันอยู่กับผู้หญิงหลายคน คนแรกคือ มาร์แชล ฮัมแบท ต่อมาในปี ค.ศ.1918 เขาได้แต่งงานกับนักเต้นบัลเล่ย์ชาวรัสเซีย ชื่อว่า โอลก้า โคโคลวา แต่ต่อมาก็แยก ทางกัน และถึงขั้นหย่าร้างไปในที่สุด ปิกัสโซ่มีบุตรกับโอลก้า 1 คน ชื่อ เปาโล โอลก้าเสียชีวิตลง
                ในปี ค.ศ.1955 เมื่อปิกัสโช่อายุได้ 80 ปี เขาได้แต่งงานใหม่ในปี ค.ศ.1961 กับหญิงสาวที่เป็น นางแบบให้เขาเขียนภาพนั่นเอง เธอมีชื่อว่า แจ็คเกอรีน โร้ค ช่วงเวลาระหว่างการแต่งงานทั้งสองครั้งนี้ ปิกัสโซ่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับผู้หญิงอีกหลายคน ซึ่งต่างคนต่างก็มีอิทธิพลต่อการเขียนรูป ของเขา หญิงสาวที่เป็นที่รักยิ่งของเขา คือ มาเรีย เทสเซ่ วอร์เตอร์ ซึ่งเขาได้พบเมื่อตอนต้นปี ค.ศ.1930 และภายหลังได้กลายมาเป็นมารดาให้กับลูกสาวของเขานามว่า มาเรีย นอกจากวอร์เตอร์ แล้ว ดอร่าแมท์หญิงสาวชาวยูโกสลาเวีย ที่เขาพบในปี ค.ศ.1936 และผู้หญิงอีกคนในชีวิตของ เขาก็คือ ฟรานซิส จีลอต จีลอตอยู่กินกับปิกัสโซ่ตั้งแต่ปี ค.ศ.1946 ไปจนถึงปี ค.ศ.1953 และได้ให้กำเนิดบุตรกับปิกัสโซ่ 2 คน คือ คลาว ซึ่งเกิดเมื่อปี ค.ศ.1947 และปาโลมา ซึ่งเกิดหลังจากคลาว 2 ปี ด้วยการที่ปิกัสโซ่ได้พบกับจีลอตนั้น ทำให้ปิกัสโซ่เกิดแรงบันดาลใจ ที่จะเขียนรูปไปในทางตำนานต่างๆ เช่นเขียนรูปของ ฟอน นิมส์ เซนต์ทอรส์ และไปเปอร์
              ปิกาสโซ่ใช้ชีวิตอยู่ที่ฝรั่งเศส จนได้ผ่านสงครามโลกครั้งที่สองมาแล้ว แต่ในยุคที่ฝรั่งเศษตก เป็นเมืองขึ้นของเยอรมันนั้น ผลงานเขียนภาพของปิกาสโซ่ ก็ถูกระงับไว้ไม่ให้นำมาแสดง ในปี ค.ศ.1944 ปิกาสโซ่ได้เข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์ของฝรั่งเศษ และในปี ค.ศ.1955 ปิกัสโซ่ได้ย้ายไปอยู่ที่ริเวียร่าในฝรั่งเศษ ถึงแม้จะย้ายไป แต่ปิกัสโซ่ก็ยังคงทำงานต่อไปจนถึง อายุ 90 ปี

 

 

Man in the Cafe
วาดเมื่อปี ค.ศ. 1912
เป็นภาพวาดสีน้ำมันบนผืนผ้าใบ
ขนาดภาพ 128.2 x 88 ซม.
สถานที่แสดง Philadelphia Museum of Art

 

สาเหตุที่ทำให้ “ นู๊ด,  Green Leaves, and Bust ” 
ไม่ได้เป็นเพราะภาพนี้คือหนึ่งในสุดยอดผลงานของจิตรกรเอกชื่อดังก้องโลกอย่าง “ปีกัสโซ” เท่านั้น
หากยังถือเป็นภาพที่หาดูยากและมีน้อยคนนักจะที่ได้เห็น
เนื่องจากถูกเก็บรักษาไว้อย่างมิดชิดในฐานะสมบัติส่วนตัวของตระกูลโบรดี้มานานกว่าครึ่งศตวรรษ  

 

ที่มา : http://www.thaigoodview.com/library/contest2553/type2/art04/01/p1.html

<< Go Back