ความหมายของคำว่า "ความรุนแรง"
โดยทั่วๆ ไป ความรุนแรงก็คือการทำให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งอาจจะเกิดจากธรรมชาติ อุบัติเหตุหรือจากน้ำมือมนุษย์ก็ได้ ส่วนในอีกความหมายหนึ่ง ความรุนแรงคือสิ่งที่มาสกัดกั้นศักยภาพของชีวิต สมมุติว่ามีหญิงสาวคน
หนึ่ง
เดินกลับบ้าน ระหว่างทางมีผู้ร้ายดักชิงทรัพย์แล้วฆ่า ก็หมายความว่าหากไม่เกิดเหตุความรุนแรงนี้ หญิงสาวคนนั้น
ก็จะยังมีศักยภาพในการดำเนินชีวิตได้ต่อไป
นอกจากความรุนแรงจะสกัดกั้นศักยภาพชีวิตอย่างที่มันเป็นอยู่ (หากหญิงสาวผู้นั้นไม่ถูกฆ่า เธอก็ยังคงไปทำงานได้ตามปกติ) แล้ว ความ
รุนแรงยังสกัดกั้นศักยภาพชีวิตในอีกแง่หนึ่งด้วย กล่าวคือศักยภาพที่จะเปลี่ยนแปลงไปจากที่เป็นอยู่เดิม เช่น สมมุติหญิงสาวคน
นั้นกำลังจะเรียนต่อและเธอรอดตายอย่างปาฏิหาริย์แต่กลายเป็น เจ้าหญิงนิทรา ศักยภาพด้านการศึกษาของเธอที่จะเกิดขึ้น
ในอนาคต
ก็ถูกสกัดจนต้องสะดุดหยุดลง
ความรุนแรง ความขัดแย้งและอำนาจ
คน ส่วนใหญ่มักคิดว่าความรุนแรงเป็นเรื่องเดียวกับความขัดแย้งและอำนาจ แต่ในความเข้าใจของผม ความรุนแรงไม่ใช่อำนาจ ไม่ใช่ความขัดแย้ง แต่เป็นจุดจบของสิ่งเหล่านั้น
ความขัดแย้งเป็นเรื่องธรรมชาติ เมื่อผู้คนที่มาอยู่ร่วมกันในสังคมมีความปรารถนาที่แตกต่างกัน ย่อมก่อให้เกิดความขัดแย้งได้เป็น
เรื่องธรรมดา ซึ่งบางครั้งมนุษย์เลือกใช้ความรุนแรงมายุติความขัดแย้ง เป็นเหตุให้เกิดความคิดว่าความรุนแรงคือความขัดแย้ง หรือหนัก
กว่านั้นคือเกิดความเข้าใจว่าความรุนแรงเป็นเรื่องธรรมชาติไปด้วย จึงอยากชี้ให้เห็นความแตกต่างที่สำคัญว่าความขัดแย้งเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่ความรุนแรงไม่ใช่ เพราะความขัดแย้งอาจคลี่คลายลงด้วยวิธีอื่นที่ไม่ใช้ความรุนแรงได้
ในทำนองเดียวกัน ความรุนแรงก็ไม่ใช่เรื่องเดียวกับอำนาจ หากอำนาจหมายถึงความสามารถที่จะทำให้อีกฝ่ายหนึ่งทำตามความต้องการของเราได้ อำนาจก็ไม่จำเป็นต้องได้มาจากความรุนแรง เช่น ความรักก็เป็นพลังอำนาจแบบหนึ่ง เป็นแรงผลักดันที่จะทำให้เรา
ยอมเสียสละบางอย่างเพื่อคนที่เรารัก (ดูได้จากเวลาที่สังคมต้องการให้เราทำอะไรสักอย่าง ก็มักอ้างในนามของความรักต่อ... เพราะเชื่อ
ว่าจะ
นำไปสู่สิ่งที่ต้องการได้ เป็นต้น)
คิดว่าความรุนแรงเป็นจุดจบของอำนาจเสียด้วยซ้ำ เพราะการต้องใช้ความรุนแรงบังคับนั้น มักหมายความว่าเราไม่มีอำนาจ (หมดความสามารถที่จะทำให้อีกฝ่ายทำตามความต้องการของเราได้) แล้ว
เพื่อทำความเข้าใจฐานคิดเรื่องความรุนแรง ผมจะอธิบายโดยอาศัยตัวแบบในทางภาษาซึ่ง
ประกอบด้วยประธาน กริยาและกรรม เช่น นาย ก. ฆ่านางสาว ข. สามารถแยกได้ ตามตัวแบบคือ นาย
ก. เป็นประธาน ฆ่าเป็นกริยา และกรรมคือนางสาว ข. คำถามต่อไปก็คือ
1) ประธานมีหรือเป็นอะไรได้บ้าง
2) กริยาของความรุนแรงทำงานอย่างไร
3) ตัวกรรมนั้นได้รับผลอะไรได้
ความรุนแรงในสังคมไทย
การกระทำรุนแรงในสังคมไทยเกิดขึ้นได้ด้วยสาเหตุต่าง ๆ กัน ความรุนแรงบางอย่างเป็นผลมาจากความคิดความ
เชื่อของคน
ในสังคมที่กระทำระหว่าง กัน บางอย่างเกิดจากภาวะจิตใจที่ผิดปกติของคนในสังคม บางอย่างเป็นความรุนแรงที่กระทำระหว่าง
คนใกล้ชิด และบางอย่างเป็นภัยทางสังคมซึ่งพบเห็นได้บ่อยขึ้นในปัจจุบัน การกระทำรุนแรงอันเกิดจากความคิดความเชื่อของคนในสังคม เป็นสิ่งละเอียดอ่อน บางอย่างแฝงมากับความเชื่อในรูปแบบของค่านิยม หรือสืบทอดผ่านทางวัฒนธรรมประเพณีในแต่ละสังคม จนเกิดการยอมรับ และมักมองข้ามลักษณะความรุนแรงที่ปรากฏ เช่น การนิยมเจาะหูให้แก่ลูกผู้หญิง การนิยมมีรอยสักแก่ผิวหนัง
ของตนเอง สิ่งเหล่านี้ในสังคมมองเห็นเป็นเรื่องธรรมดา ทั้ง ๆ ที่เป็นความรุนแรงที่กระทำขึ้นระหว่างแม่ต่อลูกหรือกระทำกับตนเอง
การกระทำรุนแรงระหว่างกันตามความเชื่อของไทยโดยทั่วไป แม้จะไม่รุนแรงถึงขนาดทุบตีและยิงทิ้งกันต่อหน้าต่อตาผู้อื่น อันเนื่องมาจากการ ฝ่าฝืนกฎ หรือลวงมาฆ่าหมู่อย่างลัทธิบางลัทธิในภูมิภาคอื่นๆ ของโลก แต่ความเชื่อบางอย่างในภูมิภาคต่าง ๆ ของไทย
ก็มีลักษณะการกระทำรุนแรงจากผลของความเชื่อมิใช่น้อย ในอดีตเวลาก่อสร้างเจดีย์หรือพระธาตุบางแห่งต้องฝังคนเป็นๆ ข้างใต้แท่น
ฐาน หรือบางแห่งมีวิธีการรักษาคนเป็นโรคจิตด้วยวิธีการทางไสยศาสตร์ มีการไล่ผีให้ออกจากตัวโดยการเฆี่ยนตีหรือราด
ด้วย
น้ำร้อน บางแห่งมีพิธีเลี้ยงผีอารักษ์เมือง และมีการฆ่าสัตว์สังเวยแสดงความรุนแรง หรือตัวอย่างการขับไล่ผู้สงสัยว่าเป็น
ผีปอบไปอยู่นอก
เมืองหรือที่ห่างไกลผู้ คน ใช้วิธีการที่รุนแรง เช่น ขว้างปา รุมทำร้าย หรือรื้อถอนบ้าน ซึ่งเกิดผลร้ายต่อผู้ถูกกล่าวหาทั้งร่างกายและจิตใจ
การกระทำรุนแรงที่เกิดจากภาวะจิตใจที่ผิดปกติ การกระทำรุนแรงเช่นนี้มักเกิดจากคนที่มีจิตใจไม่ปกติซึ่งปะปนอยู่ในสังคม มีทั้ง
ที่เราสังเกตเห็นและไม่เห็น ระดับความรุนแรง ขึ้นอยู่กับระดับความผิดปกติของภาวะจิตใจ เช่น คนเป็นโรคจิตประเภทคลั่งสลับซึม ที่ก่อ
เหตุทำร้ายแก่คนรอบข้างหรือคนในครอบครัวจนเป็นข่าวให้เห็นอยู่เสมอ คนที่คับข้องใจและแสดงความก้าวร้าวต่อภาวะ
คับข้องใจ
ด้วยการกระทำรุนแรงต่อตน เองโดยการฆ่าตัวตายในสังคมไทยก็มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น จากข้อมูลที่ศึกษาพบว่าคนไทยใช้วิธีฆ่า
ตัวตาย
โดยการกินยามากถึง 70 % รองลงมาคือแทงตัวเอง กระโดดจากที่สูง ยิงตัวตายและผูกคอตาย นอกจากนั้นยังมีการกระทำรุนแรง
อันเกิดจาก
ภาวะจิตใจที่ผิดปกติให้เห็นอีกมาก มาย เช่น คนเป็นเอดส์แพร่เชื้อโดยใช้เข็มวิ่งไล่แทงคนอื่น คนวิปริตทางเพศโชว์อวัยวะ
เพศต่อ
หน้าดารา
ที่ตนคลั่งไคล้จนเกิดความหวาดกลัว เป็นต้น
การกระทำรุนแรงที่เกิดขึ้นระหว่างคนใกล้ชิด ปัจจุบันเป็นปัญหาใหญ่ของสังคม ซึ่งความรุนแรงที่เกิดขั้นส่วนใหญ่จะเกิด
ในครอบ
ครัว โรงเรียน หรือชุมชนที่อยู่ใกล้ชิดกัน ลักษณะความรุนแรงมีตั้งแต่ดุด่าด้วยถ้อยคำ ลงโทษด้วยวิธีการแปลก ๆ ทำร้ายร่างกาย และคุกคามทางเพศ ส่วนใหญ่เกิดกับเด็กและผู้หญิง
รูปแบบความรุนแรงแบบ physiology
ในแบบ physiology หรือว่าการทำให้ร่างกายไม่สามารถทำหน้าที่ได้ตามปกตินั้น ก็สามารถทำได้หลายวิธี ที่สำคัญ สิ่งเหล่านี้เป็นความ
รุนแรงที่แทบจะมองไม่เห็นเลยได้ แก่ การไม่ให้อาหาร เช่น การสร้างเขื่อนของประเทศจีนทำให้สามารถควบคุมการ
ไหลของแม่น้ำโขง ส่งผลต่อการมีหรือไม่มีน้ำใช้ในประเทศแถบลุ่มน้ำโขง
ตอนล่างทั้งหมด หรือการทำให้เป็นพิษ เช่นโรงงานน้ำตาลปล่อยน้ำเสียลงแม่น้ำ) การทำให้อากาศเสีย (เช่น การที่อุตสาหกรรม
ที่แม่เมาะปล่อยควันพิษจนทำให้ชาวบ้านมีปริมาณตะกั่วในปอดสะสมมากผิดปกติ) เช่น การขายยาด้วยราคาสูงเกินกว่าที่จะ
ซื้อหามา
รักษา หรือการที่อเมริกาแซงก์ชั่นอิรักด้วยการไม่ให้ยาที่ส่งผลให้เด็กที่ป่วยใน อิรักล้มตายจำนวนมาก
สถานการณ์การกระทำรุนแรง
จากการศึกษาวิจัยได้พบข้อมูลของการกระทำรุนแรงระหว่างคนใกล้ชิด ที่น่าสนใจหลายประการ เช่น การข่มขืนผู้หญิงส่วนใหญ่
เกิดกับวัยผู้ใหญ่คืออายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ในช่วงเวลา 18.00 – 24.00 น. ส่วนใหญ่เกิดเหตุในโรงแรมและเป็นการกระทำของญาติหรือเพื่อนสนิท โดยมักมีการดื่มสุราก่อนก่อเหตุเสมอ สำหรับการละเมิดทางเพศในโรงเรียน เด็กที่ถูกละเมิดทางเพศส่วนใหญ่มาจาก
ครอบ
ครัวที่ไม่อบอุ่นหรือแตกแยก และครอบครัวใหม่ไม่มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน โดยทางโรงเรียนไม่มีกฎระเบียบและวิธีการ
จัดการ
เรียนการสอนหรือมีความร่วมมือ กับผู้ปกครองในการป้องกันปัญหา แม้แต่ในครอบครัวเองก็เกิดความรุนแรงในการอบรมเลี้ยงดู โดย
เด็กจะได้รับการเลี้ยงดูด้วยวิธีการที่รุนแรงในด้านจิตใจและร่างกาย ที่น่าสนใจคือผลการวิจัยพบว่าเกิดการรับรู้ที่ต่างกันระหว่างเด็กกับผู้ปกครอง กล่าวคือเด็กจะรับรู้ว่าถูกเลี้ยงดูด้วยวิธีการรุนแรงมากกว่าผู้ปกครอง ที่รับรู้ว่าได้กระทำรุนแรงกับเด็ก และผู้หญิงที่ถูกกระทำ
รุนแรงในครอบครัวจะถูกกระทำรุนแรงทางจิตใจมากที่สุด รองลงมาคือทางเพศและทางร่างกาย ส่วนใหญ่ถูกกระทำโดยสามี
ผลกระทบต่อสังคม
1.ปัญหาการเกิดอาชญากรรม
2.ปัญหาเด็กแร่ร่อน
3.ปัญหาด้านการศึกษา
4.ปัญหาเศรษฐกิจ
ผลกระทบต่อครอบครัว
1.ครอบครัวไม่สามารถทำหน้าที่ครอบครัวได้
2.การหย่าร้างมีมากขึ้นส่งผลกระทบต่อลูก
ผลกระทบต่อผู้ถูกกระทำ
1.ด้านจิตใจ
2.ด้านพฤติกรรม
3.ด้านการกระทำ
ผลกระทบต่อชุมชนและสังคม
1.ปัญหาในสังคมเพิ่มมากขึ้น
2.สังคมไทยกลายเป็นสังคมที่ไม่ปลอดภัย
3.ภาระต่อสังคม/ต่อการพัฒนาประเทศ
หน่วยงานที่รับผิดชอบและให้ความช่วยเหลือ
1.กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
2.สำนักงานกิจการสตรีและครอบครัว
3.กรมสนับสนุนและบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารสุข
4.ศูนย์ช่วยเหลือเด็กสตรีในภาวะวิกฤติจากความรุนแรงหรือศูนย์พึ่งได้
5.กระทรวงศึกษาธิการ
6.กระทรวงแรงงาน
7.สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
8.กระทรวงยุติธรรม
ที่มา - http://ailadaluamsri1.blogspot.com/
|