การแยกข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็น
การที่นักเรียนจะวิเคราะห์เนื้อหาสาระของการอ่านและการพูดนั้น นักเรียนจะต้องรู้ว่าอะไรเป็นใจความสำคัญของเรื่อง อะไรเป็นเนื้อหาหลัก เนื้อหารอง ตอนใดเป็นใจความที่แสดงเหตุและผล ข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็น ในขณะเดียวกันก็ต้องใช้ความคิด ความรู้ และประสบการณ์ของนักเรียน เพื่อพิจารณาว่าเรื่องที่ฟังนี้มีความสมเหตุสมผลและมีความถูกต้องหรือไม่ มากน้อยเพียงใด
การวิเคราะห์ข้อความใดเป็นข้อเท็จจริง ข้อความใดเป็นข้อคิดเห็น นักเรียนจะต้องตั้งใจอ่านและตั้งใจฟัง แล้วลองใช้หลักต่อไปนี้พิจารณาแยกแยะ
ลักษณะของข้อเท็จจริง |
ลักษณะของข้อคิดเห็น |
๑. มีความเป็นไปได้
๒. มีความสมจริง
๓. มีหลักฐานเชื่อถือได้
๔. มีความสมเหตุสมผล |
๑. เป็นข้อความที่แสดงความรู้สึก
๒. เป็นข้อความที่แสดงความคาดคะเน
๓. เป็นข้อความที่แสดงการเปรียบเทียบ อุปมาอุปมัย
๔. เป็นข้อความที่เป็นข้อเสนอแนะหรือเป็นความคิดเห็นของผู้พูดเอง |
ตัวอย่างข้อความที่เป็นและข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็น
ลักษณะของข้อความที่เป็นข้อเท็จจริง
๑. จังหวัดเชียงรายอยู่ทางตอนเหนือของประเทศไทย
๒. การทำลายป่าไม้ทำให้เกิดความแห้งแล้ง
๓. แมวมือมีฝีเท้าเบามาก
๔. เมื่อข้าวราคาตกต่ำทำให้ชาวนาเดือดร้อน
๕. มงคลเป็นนักเรียนโรงเรียนวัดถ้ำปลาวิทยาคม
ลักษณะของข้อของข้อความที่เป็นคิดเห็น
๑. เชียงรายมีภูมิประเทศที่สวยงามน่าอยู่
๒. กินผักบุ้งทำให้ตาหวาน
๓. คนที่เชื่อถือโชคลาง เชื่อว่าแมวเป็นสัตว์ลึกลับ
๔. บ่าววีร้องเพลงได้อารมณ์มากที่สุด
๕. สมชายชอบวิชาภาษาไทย
นักเรียนควรตระหนักถึงความสำคัญของการฝึกวิเคราะห์จาการอ่านการฟังและการดู เพราะทุกวันนี้เป็นยุคแห่งข่าวสารข้อมูล เราจำเป็นต้องรับสารที่เข้ามาในชีวิตประจำวันอย่างมากมาย ทั้งสารที่เป็นเรื่องราวความรู้ บอกเล่าให้ทราบ ให้แนวคิด ให้ความเพลิดเพลิน และสารเชิงโน้มน้าวใจ หากเราไม่สามารถแยกแยะประเด็นสำคัญๆ ที่ประกอบกันขึ้นเป็นเรื่องได้ เราก็จะไม่สามารถนำประโยชน์จากการฟังและดูสารนั้นไปใช้ประโยชน์ได้เลย
การฝึกใช้ความคิดไตร่ตรองในขณะที่อ่าน ฟังและดู จะทำให้เรากระจ่างชัดในเจตนาและความคิดของผู้เขียนและผู้พูดว่า มีความประสงค์และมีเหตุผลอย่างไร การอ่านการฟังและดูโดยใช้หลักการวิเคราะห์เช่นนี้ ทำให้เราเป็นผู้มีปัญญาที่สามารถรู้หรือให้เหตุผลได้ถูกต้อง
เว็บไซต์ : http://readingthai02.blogspot.com/2014/10/blog-post.html
|